การจัดการความรู้
เรื่อง
รูปแบบการเล่นเพลงอีแซวของศิลปินภูมิปัญญา
จังหวัดสุพรรณบุรี
โดยวิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี
เพลงอีแซว คือเพลงพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุพรรณบุรี
ที่ยังคงมีการขับร้องและเล่นสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน การเล่นเพลงอีแซวแต่โบราณมีขนบวิธีในการแสดง
ที่ควรค่าต่อการศึกษาอย่างยิ่ง โดยศิลปินภูมิปัญญา ได้เล่นสืบทอดกันมา
ซึ่งแบ่งลำดับขั้นตอนการเล่นและขับร้องได้ ดังนี้
1) การขับร้องบทไหว้ครู
เป็นขั้นตอนแรกของการเล่นเพลงอีแซว บทร้องเป็นเพลงเก่าแก่ที่สืบทอดกันมา เป็นบทร้องที่รำลึกถึงคุณครูต่าง
ๆ ที่เคารพ ซึ่งได้แก่ พระรัตนตรัย ครูอาจารย์ บิดามารดา ตลอดจนเทพเจ้า
เพื่อขอให้ท่านทั้งหลายช่วยปกป้องภยันตรายและดลบันดาลให้การเล่นเพลงดำเนินไปด้วยดี ตลอดจนมีชัยชนะต่อผู้ที่มาประชันแข่งขัน เพลงไหว้ครูนี้ชายจะร้องก่อนโดย พ่อเพลงและลูกคู่ออกมานั่งและถือพานกำนล
เมื่อร้องจบ หญิงจะร้องตาม โดยมีเนื้อความคล้ายคลึงกัน เน้นผู้ขับร้องที่มีกระแสเสียงดี
2) การขับร้องบทเกริ่น เป็นขั้นตอนที่ 2
ของการเล่นเพลงอีแซวประกอบด้วยการขับร้องเพลงออกตัว เพลงแต่งตัวและเพลงปลอบโดยฝ่ายชายออกตัวและขับร้องก่อน
จากนั้นฝ่ายหญิงจึงออกมาขับร้องตามลำดับเช่นกัน ในการร้องบทเกริ่นนี้
ผู้ที่ขับร้องต้องเป็นผู้ที่มีกระแสเสียงดี สามารถดึงดูดความสนใจผู้ชมได้
3) การขับร้องบทประ (ปะ-หระ) หมายถึง การขับร้องเพลงที่ปะทะคารมของพ่อเพลงกับแม่เพลง
ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ 3 ในการขับร้องปะทะคารมหรือโต้ตอบกันนี้จะประกอบด้วยเพลงตับต่าง
ๆ จำนวนมากมายแล้วแต่ผู้ร้องจะเลือกมาร้องเล่น การโต้ตอบในการร้องเพลงตับนี้มักจะใช้ถ้อยคำรุนแรงเพื่อแสดงถึงปฏิภาณไหวพริบและความสามารถของผู้ขับร้อง
ลำดับขั้นตอนการร้องเพลงประ จึงเป็นหัวใจของการเล่นเพลง
พ่อเพลงแม่เพลงนิยมร้องกันมากที่สุดด้วย เพราะเป็นการช่วยที่จะแสดงฝีปากได้เต็มที่
นอกจากนี้ยังสามารถแทรกเรื่องราวต่าง ๆ เป็นตับเบ็ดเตล็ดได้มากที่สุดด้วย
4) การขับร้องบทลาหรือบทจาก เป็นช่วงสุดท้ายของการแสดง
เมื่อพ่อเพลงและแม่เพลงเล่นเพลงใกล้จบแล้วจะจากกันไปจะร้องเพลงลา ซึ่งมีเนื้อหาสั่งเสียคู่เล่นเพลงของตนเป็นการอำลาอย่างอาลัยอาวรณ์
และอำลาผู้ชมทั้งหลายเป็นการขอบคุณและแสดงความอาลัยไม่อยากจากไป
ซึ่งมักจะกล่าวถึงสถานทีได้แก่ หมู่บ้าน ตำบลที่ไปเล่น โรงหรือเวทีแสดง
กล่าวถึงสิ่งของต่าง ๆ เช่น โต๊ะ เตียง เสื่อ ขันน้ำ สำรับอาหารคาวหวาน ฯลฯ
และสิ่งที่จะขาดเสียมิได้คือ
การลาเจ้าของงานโดยจะกล่าวถึงความสำนึกถึงในบุญคุณที่ไปหาว่าจ้างคณะเพลงมาเล่น ท้ายสุดจะร้องเพลงอวยพรเจ้าภาพและผู้ดูต่อไป
จากรูปแบบการเล่นเพลงอีแซวสะท้อนให้เห็นถึงลำดับขั้นตอนการแสดงที่เป็นระบบ
โดยมีคำร้องเฉพาะตามโอกาส
ผู้แสดงสามารถเชื่อมโยงลำดับขั้นต่างๆตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงลำดับสุดท้าย
โดยมีเนื้อหาที่ใช้ในการแสดงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งยังแสดงถึงปฏิภาณไหวพริบของพ่อเพลงแม่เพลงได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันลำดับขั้นตอนการเล่นเพลงพื้นบ้านที่มีมาแต่โบราณเริ่มลดน้อยลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทไหว้ครูมักจะถูกตัดออกไปจากกระบวนการเล่นเพลง
เพราะมีปัจจัยในเรื่องของเวลาที่ใช้การแสดงเป็นตัวกำหนด
แต่ศิลปินภูมิปัญญาท่านก็มิได้ตัดออกไปแต่อย่างใดหากแต่สอดแทรกในพิธีกรรมของการไหว้ครูก่อนการแสดง
รวมถึงเนื้อหาของเพลงที่ขับร้องเกิดการปรับเปลี่ยนบ้างตามกาลเวลา
และการเข้าถึงกลุ่มผู้ฟัง ผู้ชมในยุคปัจจุบัน
ที่กล่าวมาข้างต้น
เป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากการจัดการความรู้ (Knowledge Managment) จากศิลปินแห่งชาติ ศิลปินภูมิปัญญาเพลงพื้นบ้านของจังหวัดสุพรรณบุรี
ที่ทุกท่านได้รับการถ่ายทอดจากครูเพลงในอดีตและมีประสบการณ์ในการแสดงเพลงพื้นบ้านมาอย่างยาวนาน
ทำให้เกิดองค์ความรู้ที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อวงการเพลงพื้นบ้านของไทยสืบไป